การเขียนเรซูเม่ โดยที่เคยมีช่วงนึงที่ว่างงานอยู่ อาจทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจที่จะเขียนมัน หรือไม่รู้จะเขียนเรซูเม่อย่างไรให้ดูดี และยิ่งถ้าเกิดว่าคุณถูกเรียกไปสัมภาษณ์งานด้วยแล้ว ก็กลัวว่าจะถูกถามจี้เข้ามาที่ตรงนี้ แต่ไม่เป็นไรครับ วันนี้ทีมงานเบสต์จ๊อบมีเทคนิคที่จะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับเรื่องนี้ได้อย่างสบายมาก ลองไปดูกัน
1. ใช้เหตุผลที่ดูดี (แต่ไม่โกหก)
ทุกๆอย่างจะต้องมีเหตุผลอธิบาย ในกรณีนี้ก็เช่นกัน ให้ลองใช้เหตุผลที่ดูดีมาอธิบายว่าทำไมตัวเองถึงว่างงาน แต่อย่าโกหกนะ ถ้านึกไม่ออกว่าเหตุผลที่ดูดีเป้นอย่างไร ลองดูตัวอย่างเหล่านี้ครับ
- บางคนเต็มที่กับงานจนตัวเองร่างกายทรุดโทรม ก็หาโอกาสพักผ่อนในช่วงที่ว่างงาน
- บางคนต้องจำใจลาออกไปดูแลพ่อแม่ที่ป่วย จนตอนนี้หายแล้วก็กลับมาทำงานอีกครั้ง
- บางคนต้องจำใจลาออกไปเลี้ยงลูก จนตอนนี้ลูกโตแล้วก็กลับมาหางานอีกครั้ง
- บางคนต้องจำใจลาออกไปรักษาตัวเองที่ป่วย
- บางคนอยากเรียนต่อ แต่ถ้ากลับมาสมัครงานอีกครั้งก็ต้องมีปลักฐานด้วยนะว่าเรียนจริงๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นปริญญา แค่คอร์สสั้นๆ 2-3 วันก็ได้นะ
- บางคนอยากเปลี่ยนสายงาน ก็ลาออกแล้วไปลงคอร์สเรียนที่ช่วยให้คุณสามารถทำงานในสายงานใหม่ได้
ย้ำอีกครั้งนะครับว่าอย่าโกหกโดยเด็ดขาด
2. มองโลกในแง่บวก
ช่วงที่เราเคยว่างงานมาก่อน มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดีเสมอไปหรอกนะครับ แต่ละคนก็จะมีเหตุผลของตัวเองที่ส่งผลให้เกิดช่วงว่างงานขึ้น
หรือถ้าคุณเคยถูกไล่ออกจากที่ทำงานเก่าโดยที่ไม่ทันตั้งตัว จนต้องเสียเวลาช่วงหนึ่งไปในการหางานใหม่ ก็ให้อธิบายให้กับที่ทำงานใหม่เข้าใจอย่างชัดเจนว่าเกิดอไรขึ้น และคุณได้เรียนรู้อะไรจากข้อผิดพลาดที่ผ่านมา และคุณจะไม่ทำแบบนั้นอีก ที่ทำงานใหม่จะชอบใจซะด้วยซ้ำ ที่มีคนที่มีประสบการณ์ และมีบทเรียนมาแล้ว ย่อมดีกว่าการรับเด็กใหม่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยเสียอีก
หากว่าตอนนี้คุณยังว่างงานอยู่ ก็ลองใช้ช่วงเวลาที่ว่างของตัวเอง ลองนั่งคิดถึงการทำงานต่างๆที่ผ่านมา ว่ามันส่งเสริมคุณให้คุณไปถึง จุดมุ่งหมายในการทำงาน ของคุณอย่างไร คุณชอบใจตรงไหน ไม่ชอบใจตรงไหน ตัวคุณเข้ากันได้กับที่ทำงานเก่าขนาดไหน ที่ทำงานใหม่ควรจะเป็นอย่างไรคุณถึงจะมีความสุขในการทำงาน และสำหรับการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ถ้าคุณสามารถเปลี่ยนอะไรได้ คุณจะเปลี่ยนแปลงมันอย่างไรบ้าง
แสดงสิ่งเหล่านี้ลงไปในเรซูเม่ของคุณ รวมไปถึงในขั้นตอนสัมภาษณ์งานด้วย แค่นี้คุณก็สามารถทำให้ HR เห็นแล้วว่าคุณมีความตั้งใจจริง และมีคุณสมบัติที่ดี ที่สามารถกลบจุดอ่อนเล็กน้อยอย่างการว่างงานมาก่อนได้อย่างชัดเจน
3.ซื่อสัตย์
เมื่อคุณมองโลกในแง่บวกแล้ว ก็ขอให้เป็นคนที่ซื่อสัตย์ด้วย อย่าโกหกอะไรลงไปในเรซูเม่ของตัวเอง หรือในขั้นตอนการสัมภาษณ์งานโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะเวลาที่คุณไม่มีข้ออ้างดีๆ เพราะว่าการซื่อสัตย์นั้นมันง่ายกว่าการโกหกแล้วโดนจับได้ จนคุณต้องมานั่งอธิบายอย่างยาวเหยียดทีหลังว่าโกหกไปเพราะอะไร จงอย่างทำแบบนั้น
ถ้าคุณเคยถูกไล่ออกจากงานมาก่อน ก็ให้อธิบายว่าทำไมตำแหน่งงานเก่าถึงไม่เหมาะสมกับคุณ และคุณได้เรียนรู้อะไรมาจากประสบการณ์ในครั้งนั้นบ้าง โดยให้มองทุกอย่างในแง่บวกเข้าไว้ อย่าโจมตีใคร หรือดึงใครลงมา เพราะนั่นไม่ได้ทำให้ตัวคุณสูงขึ้นเลยสักนิดเดียว
4. มีความกระตือรือล้น
จงมีความกระตือรือล้นทั้งในขั้นตอนการสมัครงาน และในขั้นตอนสัมภาษณ์งาน และอยู่กับปัจจุบันให้มาก อย่านำอดีตมาทำให้ตัวเราคิดมากจนเกินไปนัก ถ้าคุณถูกถามถึงเรื่องอดีตที่ไม่ค่อยมีความสุขกับมันเท่าไหร่ คุณสามารถตอบถึงมันได้พอหอมปากหอมคอ และพยายามชักจูงบทสนทนาเข้าสู่ยุคปัจจุบัน ที่คุณมีความกระตือรือล้นที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ฝากประวัติสมัครงานของตัวเองเอาไว้บนเว็บ Bestjob.in.th สิครับ
ฝากประวัติฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นครับ! มีบริษัทชั้นนำมากมายเข้ามาค้นหาประวัติของคุณ และยื่นข้อเสนอตำแหน่งงานให้กับคุณ
ฝากประวัติฟรีปัจจุบันต่างหากที่สำคัญกว่า คุณจะต้องแสดงให้เห็นว่าคุณกระตือรือล้นที่จะเริ่มต้นใหม่ โดยเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทีมงานเบสต์จ๊อบขอเอาใจช่วยอีกทางให้คุณประสบความสำเร็จในการเริ่มต้นหางานครั้งใหม่นี้ครับ