การฝึกงานนั้นถือว่าเป็นประสบการณ์ที่นักศึกษาปีที่ 3 และ 4 จะต้องเจอกันทุกคน และเรซูเม่ที่ดีนั้นไม่ใช่แค่ว่าจะต้องสวยอย่างเดียว แต่จะต้องมีรายละเอียดที่ดีอีกด้วย ถึงจะถูกใจบริษัท และทำให้เราได้งานกัน
สำหรับนักศึกษาฝึกงาน การเขียนเรซูเม่เพื่อสมัครฝึกงานนั้นถือว่าเป็นเรื่องใหม่มาก หลายๆคนก็ไม่เคยเขียนมาก่อน และไม่รู้ว่าจะเขียนเรซูเม่อย่างไรให้ได้ผลดี ในวันนี้เว็บไซท์เบสต์จ๊อบก็มี เทคนิคในการเขียนเรซูเม่ฝึกงานขั้นเทพ มาแชร์กันครับ
1. ธีมที่สวยๆน่าดึงดูด แต่อย่าลืมว่าจุดสำคัญอยู่ที่เนื้อหาข้างใน
เป็นที่ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าสิ่งแรกที่จะเห็นเพื่อนๆทำกันก็คือ การหาธีมสวยๆ แล้วนำมาแชร์กันในกลุ่มเพื่อนๆ นั่นถือว่าเป็นสิ่งที่ดีครับ เพราะเรซูเม่สวยๆ ใครๆก็ชอบ
แต่อยากให้มองว่าเรซูเม่ที่สวยๆนั้นก็เหมือนคนหน้าตาดีที่เราอยากรู้จัก พอมาเริ่มทำความรู้จักด้วยการอ่านเนื้อหาข้างในแล้วต่างหาก ถึงจะรู้ว่าคนนี้ดีจริงหรือไม่ดีจริง ดังนั้นเราอย่าเขียนเรซูเม่ที่สวยแต่กลวง กลับกัน ให้เขียนเรซูเม่ที่สวยด้วย เนื้อหาแน่นเอี๊ยดด้วยสิ เทพของจริง!
2. เขียนเฉพาะในสิ่งที่ HR ต้องการจะอ่าน
เรซูเม่ที่ดีนั้นจะต้อง เขียนในสิ่งที่ผู้อ่านต้องการจะอ่าน มีนักศึกษาหลายคนมากที่เวลาเขียนเรซูเม่ ดันเลือกที่จะไม่สนใจว่าผู้อ่านต้องการจะทราบข้อมูลอะไร และเลือกที่จะเขียนในสิ่งที่ตัวเองต้องการจะเขียน นี่ถือเป็นจุดสำคัญมากๆจุดแรกที่ขอแค่เปิดใจ หาข้อมูลและรับรู้สักนิดว่า HR ต้องการจะอ่านอะไร เราก็แค่เขียนในสิ่งที่เขาต้องการจะอ่านลงไปเท่านั้น แค่นี้เรซูเม่ของคุณก็ได้เปรียบเรซูเม่ของนักศึกษาคนอื่นไปกว่าเท่าตัวแล้ว
3. เรซูเม่ภาษาอังกฤษ ได้เปรียบกว่า
กรุณาอย่าคิดว่าภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่ จึงไม่ใช้ เพราะในชีวิตการทำงานแล้ว เรซูเม่ที่เป็นสากลคือเรซูเม่ภาษาอังกฤษ ยิ่งโดยเฉพาะในยุค AEC ที่ในที่ทำงานจะมีคนจากหลากหลายเชื้อชาติผสมกันเต็มไปหมด (ส่วนมากก็เพื่อนบ้านเราน่ะแหล่ะ) ก็ต้องสื่อสารด้วยภาษากลางอย่างภาษาอังกฤษ
ใครที่ไม่เก่งอังกฤษ ก็อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะว่าจริงๆแล้วพนักงานสรรหาบุคลากรที่บริษัทเองก็ใช่ว่าจะเก่งอังกฤษไปซะทุกคนครับ ดังนั้นลองเขียนด้วยคำง่ายๆที่สุดดู และให้เพื่อนที่เก่งอังกฤษช่วยตรวจแกรมม่าร์อีกแรงก็จบล่ะ
4. ให้เริ่มต้นที่เป้าหมายในการทำงาน (Career Objective)
การเขียนเรซูเม่ที่ดีนั้นจะต้องแบ่งเรซูเม่ออกเป็นตอนๆด้วยกัน (ซึ่งเรซูเม่ของ Joblnw เองนั้นก็เป็นแบบนี้) และพวกเราก็แนะนำว่า สำหรับเรซูเม่นักศึกษาฝึกงาน ควรจะใส่เป้าหมายในการทำงานไว้บนสุด เพราะถือว่าเป็นสิ่งสำคัญลำดับต้นๆ (เอาจริงๆคือลำดับแรก) ที่บริษัทจะทำความรู้จักกับคุณ
เป้าหมายในการทำงานที่ดีนั้นจะต้องตอบคำถามเหล่านี้ได้ชัดเจน
- คุณมองว่าตัวเองจะทำงานอะไรในอีก 3 ปีข้างหน้า
- คุณมีความสามารถอะไรที่บริษัทต้องการ
- คุณจะนำความสามารถนั้นไปทำอะไรให้บริษัทได้บ้าง
การเขียนเป้าหมายในการทำงานจะเป็นเรื่องเฉพาะตัว ของใครของมัน จึงไม่มีรูปแบบที่ตายตัวนัก แต่ส่วนมากแล้วก็แนะนำว่าให้เขียนเป็นย่อหน้า ที่มีความยาวประมาณ 2-3 บรรทัดได้ก็จะกำลังสวยเลย ทีมงานเบสต์จ๊อบได้เขียนบทความเรื่อง จุดมุ่งหมายในการทำงาน (Career Objective) เอาไว้อย่างละเอียดแล้ว คุณสามารถตามไปอ่านได้เลยครับ
5. ต่อด้วยส่วนของการศึกษา
ในชีวิตของคนวัยทำงาน ส่วนมากแล้วก็จะเขียนเรื่องการศึกษาเอาไว้ล่างสุดของเรซูเม่ และเขียนสั้นมากๆเพียงแค่ชื่อมหาวิทยาลัย คณะ เอก และปีที่เรียน เท่านั้น (เพราะมันมีความสำคัญน้อยกว่าเรื่องอื่นๆเช่นประสบการณ์ทำงาน)
แต่ว่าสำหรับนักศึกษาฝึกงานแล้ว เมื่อเราไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานมาก่อน เราจึงต้องเน้นเรื่องการศึกษาด้วยนั่นเอง ให้เขียนถึงสิ่งต่อไปนี้
- GPA ให้เขียนเกรดเฉลี่ยของตัวเองลงไปในเรซูเม่ด้วย เพื่อที่บริษัทจะได้เห็นความหยายามในการเรียนของคุณ แต่ถ้าคุณได้เกรดเฉลี่ยต่ำกว่า 3.00 ก็ไม่ต้องเขียนมันลงไปก็ได้
- วิชาที่เกี่ยวข้องกับฝึกงาน เขียนรายชื่อวิชาที่คุณได้เรียน ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่สมัครลงไป เพื่อให้บริษัทได้รู้ว่าคุณเคยผ่านอะไรมาบ้าง
- รางวัลต่างๆ หากเคยได้รับรางวัลอะไร ก็เขียนมันลงไปด้วย
- กิจกรรมต่างๆ หากเคยทำกิจกรรมมาก่อน ก็ให้เขียนลงไปด้วย โดยเฉพาะกิจกรรมกลุ่มอย่างกีฬา หรืองานอีเว้นท์ต่างๆ นี่คือสิ่งที่บอกบริษัทว่าคุณอยู่ร่วมกันกับคนอื่น ทำงานกับคนอื่นได้
6. ความสนใจเฉพาะตัว งานอดิเรก (ทางด้านวิชาการ)
นี่เป็นส่วนสุดท้ายที่จะต้องเขียน และอาจจะเป็นส่วนที่ยากที่สุด โดยเฉพาะสำหรับนักศึกษาฝึกงาน เพราะว่านักศึกษาส่วนมากแล้ว ไม่รู้ว่าตัวเองจะเขียนอะไรลงไปในส่วนนี้ ละจะพยายามเขียนงานอดิเรกของตัวเอง ที่ไม่มีประโยชน์ลงไปเพื่อให้เต็มหน้ากระดาษ
สิ่งที่ไม่ควรจะเขียนลงไป
คืองานอดิเรกของเราที่ รู้ก็ได้ ไม่รู้ก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตใครเปลี่ยนไป เช่น
- ดูหนัง
- ฟังเพลง
- ช้อปปิ้ง
- ไปเที่ยว
- ดูบอล
- นอน
นอนนี่ถือว่าแย่ที่สุดเพราะบริษัทจะมองว่าคุณเป็นคนขี้เกียจ ถึงแม้ว่าคุณอาจจะแค่นอนพักหลังจากเรียนหนังสือมาหนักมากก็ตาม แต่สำหรับการเขียนลงเรซูเม่เพื่อให้คนแปลกหน้าอ่านและทำความรู้จักกับเราภายใน 1 นาที ลองนึกภาพว่าคุณป้าระเบียบมาอ่าน นี่จบเลยนะ ดังนั้นอย่าเขียนมันลงไปจะดีกว่านะครับ
สิ่งที่ควรจะเขียนลงไป
คืองานอดิเรกที่เกี่ยวข้องกับงานที่จะสมัคร เช่น
- เขียนโปรแกรม
- วาดรูป
- งานสร้างสรรค์ต่างๆ
- งานอาสาสมัครต่างๆ
- กิจกรรมชมรมต่างๆ
- กิจกรรมกีฬาต่างๆ
7. ใช้รูปถ่ายติดบัตร อย่าใช้รูปไปเที่ยว
มาถึงส่วนสุดท้ายกันแล้ว นั่นคือรูปถ่าย พวกเราแนะนำให้ติดรูปถ่ายของคุณลงไปในเรซูเม่ด้วย เพราะว่าเรซูเม่ของคุณจะเป็นกระดาษที่มีแต่ตัวหนังสือเต็มไปหมด การที่มีรูปถ่ายสีสดๆติดอยู่บนนั้นทำให้มันเด่นกว่า ได้เปรียบเรซูเม่ของคนอื่นที่ไม่มีรูปถ่ายนั่นเอง
และการใช้รูปถ่ายก็ให้ใช้รูปติดบัตรเท่านั้น อย่าใช้รูปไปเที่ยว รูปหันหลัง หรือรูปกลุ่ม เพราะบริษัทจะมองว่าคุณจะมาเล่นๆ มากกว่าจะสนใจทำงานนั่นเอง รูปสวยๆไปอัพลงเฟสบุ๊คนะ อย่ามาใส่เรซูเม่ สำหรับเรื่อง รูปถ่ายในเรซูเม่ นี้ทีมงานเบสต์จ๊อบก็ได้เขียนบทความลงลึกในรายละเอียดเอาไว้แล้ว ใครสนใจก็ตามไปอ่านกันได้เลยครับ
เอาล่ะ เพียงเท่านี้คุณก็น่าจะมีข้อมูลมากเพียงพอที่จะเขียนเรซูเม่ฝึกงานแล้วนะครับ ขั้นตอนต่อไปก็คือลงมือเขียนล่ะ ขอให้ทุกคนโชคดีครับ และก็เมื่อฝึกงานจบแล้วก็ต้อง เขียนประสบการณ์ในการฝึกงาน ลงในเรซูเม่เพื่อสมัครงานจริงๆอีกทีนะครับ
สร้างเรซูเม่ฟรี
สำหรับใครที่เห็นว่ามันยากอะไรตรงไหน ผมมีข่าวดีมาบอกคือ เยสต์จ็อบของเราก็มีส่วนที่ช่วยสร้างเรซูเม่ให้ด้วยครับ ใช้ฟรี 100% และดีด้วยนะ ก็ขอแนะนำให้ลองใช้กันดูครับ วันนี้ลาไปก่อน สวัสดีครับ