"เป็นนักศึกษาจบใหม่ ไม่มีประสบการณ์ เวลาหางานนี่มันลำบากเนอะ" นักศึกษาจบใหม่คนหนึ่งกล่าวเอาไว้ในเฟซบุ๊ค
"หางานก็ยาก ส่งไปก็เงียบ ไม่ติดต่อกลับ" นักศึกษาจบใหม่อีกคนร่วมวง
"บางที่เรียกไปสัมภาษณ์เสร็จก็เงียบ บางที่บอกว่ารับเด็กจบใหม่ แต่ก็ไม่รับเรา" คนที่สามมาตอกย้ำว่า หางานยาก
ถือเป็นเรื่องที่ลำบากพอสมควรเลยสำหรับ นักศึกษาจบใหม่ ในการหางานแรกของตัวเองให้ได้ทั้งถูกใจ ตรงตามความต้องการ และรวดเร็ว เพราะนี่ถือว่าเป็นด่านแรกสุดที่นักศึกษาจบใหม่จะต้องได้เจอหลังจากเรียนจบจากมหาวิทยาลัย และเริ่มเข้าสู่ชีวิตการทำงาน หรือเรียกว่ากำลังเข้าสู่ชีวิตการทำงานอาจจะเหมาะกว่านะครับ อิอิ
เรื่องนี้เองไม่ใช่ว่าเป็นปัญหาแค่กับเด็กจบใหม่เท่านั้น แต่ HR (ฝ่ายบุคคล) บริษัทเองก็เจอปัญหาเหมือนกัน และก็ได้ปรึกษาหารือกับทีมงานเบสต์จ๊อบ เพื่อให้พวกเราช่วยแนะนำนักศึกษาอีกทางหนึ่ง ถึงเรื่องการสมัครงานของนักศึกษาจบใหม่นี้แหล่ะ เบสต์จ๊อบ ยินดีช่วยเหลือครับ และพร้อมจะเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อให้ลงตัว
ปัญหานี้อาจจะเป็นเพราะวัยที่ห่างกันระหว่างฝ่ายบุคคลและนักศึกษาจบใหม่ หรือการสื่อสารที่ไม่ตรงกัน ความต้องการที่ไม่ตรงกันของทั้งสองฝ่าย แต่ไม่ต้องตกใจไป พวกเรารวบรวมข้อผิดพลาดที่พบบ่อยๆมาไว้ให้ครบแล้ว อ่านครบจบแน่ ที่นี่ที่เดียวครับ เชิญอ่านกันได้เลย
1. เลือกเฉพาะงานที่คุณสมบัติตรงเท่านั้น
นักศึกษาจบใหม่จำนวนมากกว่า 60% ส่งใบสมัครงาน หรือเรซูเม่ แบบหว่านๆ โดยที่ไม่ได้สนใจว่าคุณสมบัติตรงไหม หรือต้องมีใบอนุญาตอะไรหรือเปล่า โดยคิดว่า ลองดูก็ไม่เสียหายอะไรนี่ และให้ HR บริษัทเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเรียกไปสัมภาษณ์หรือไม่ น่าเสียดายที่แบบนี้ถูก HR โยนทิ้งลงถังขยะหมดครับ
วุฒิการศึกษา
ในบางตำแหน่งงานที่กำหนดเอาไว้ชัดเจนว่า ขั้นต่ำต้องจบปริญญาตรี แปลว่าขั้นต่ำต้องจบปริญญาตรีครับ เขาไม่รับวุฒิปวส. ไม่ต้องถามว่า รับปวส.ไหมคะ เพราะถ้าเขารับ เขาก็จะเขียนเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วครับว่ารับ ดังนั้นถ้าคุณไม่ได้จบปริญญาตรี ก็อย่ายื่นใบสมัครไปตำแหน่งงานพวกนี้เลย หาตำแหน่งงานใหม่ที่ตรงวุฒิ คุณสมบัติดีกว่าครับ
งานเฉพาะทาง
มีบางตำแหน่งงานที่จำเป็นจะต้องใช้ใบอนุญาต หรือนักศึกษาที่จบมาจากคณะเฉพาะทางต่างๆ เช่น แพทย์ วิศวกร สถาปนิก ครู นักกฎหมาย ฯลฯ ดังนั้นหากจะสมัครงานในตำแหน่งเหล่านี้ จะต้องจบจากคณะเหล่านี้มาเท่านั้น และบางงานจะต้องสอบใบอนุญาติก่อนด้วยซ้ำ ถึงจะทำงานได้ ถ้าคุณไม่ได้จบคณะเฉพาะทาง หรือไม่มีใบอนุญาตล่ะก็ อย่าสมัครตำแหน่งที่ต้องการใบอนุญาตนะครับ
แนะนำ:งานไอที ที่รับเด็กจบใหม่ไม่มีประสบการณ์ รับเฉพาะคนจบตรงสายไอทีเท่านั้นนะครับ
แต่ถ้าคุณจะสมัครเพื่อขอลุ้นดูจริงๆ รบกวนติดต่อเข้ามาที่ทีมงานเบสต์จ๊อบด้วยนะครับ พวกเราอยากรู้ว่าลึกๆ คุณคิดอะไรอยู่
งานเกือบเฉพาะทาง
มีบางตำแหน่งงานที่ ควรจะ จบในสายงานมา แต่ก็ไม่ได้บังคับว่าจำเป็นจะต้องจบมา อย่างเช่น บัญชี นักการตลาด นักการเงิน ฯลฯ เป็นต้น กลุ่มอาชีพนี้จะเปิดกว้างให้คนจบสายอื่นเข้ามาสมัครงานได้บ้าง แต่คุณก็ต้องแข่งขันกับคนที่จบมาตรงสายนะครับ ถ้าคุณจบสายอื่นมาแต่มีคุณสมบัติเด่นๆเช่นได้เกียรตินิยมมา คุณมีลุ้นในการต่อสู้อย่างชัดเจน แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะก็ พยายามอย่าสมัครงานข้ามไปสายเหล่านี้เลยครับ จะเจ็บเมื่อถูกปฏิเสธเปล่าๆ
2. Resume ต้องดี
นักศึกษาจบใหม่มักมีปัญหาในการเขียนเรซูเม่ ใช่แล้วครับ จากเท่าที่ HR เล่าให้ทีมงานเบสต์จ๊อบฟัง กลุ่มนักศึกษาจบใหม่มักจะเขียนเรซูเม่ได้ไม่ดี ไม่ว่าจะก้อปปี้กันมา หรือเลือกใช้ธีมแฟนซีสวยๆ แต่กลวง ไม่มีเนื้ออยู่ในนั้นเลย เป็นต้น อีกข้อผิดพลาดที่พบก็คือ เขียนเรซูเม่เป็นภาษาไทยมาครับ ใช้ไม่ได้นะ ต้อง เขียนเรซูเม่เป็นภาษาอังกฤษ นะครับ จบมหาวิทยาลัยมาแล้ว เรียนภาษาอังกฤษมาเป็นสิบๆปีแล้ว ต้องได้สิ
ขอให้คิดว่าเรซูเม่นี้แหล่ะ คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการสมัครงานของเราครับ เพราะว่า HR จะพิจารณาตัวเรา ชีวิตของเรา ประวัติการศึกษาของเรา สิ่งที่เราสนใจ ฯลฯ จากเรซูเม่ กระดาษใบเดียวนี่แหล่ะ ถ้าเราเขียนได้ดี ก็จะสร้างโอกาสหางานให้เราอย่างดีเลย ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราเขียนแย่ หรือก้อปมาจากคนอื่นจริงๆ นั่นจะเป็นหายนะเลยล่ะ
ในเว็บไซท์เบสต์จ๊อบมีบทความเรื่อง วิธีเขียนเรซูเม่นักศึกษาจบใหม่ ที่มีรายละเอียด และข้อมูลแน่นมาก ลองเข้าไปอ่านกันดูได้นะครับ นอกจากนี้ ถ้าพวกเรายังใหม่อยู่ในเรื่องของการเขียนเรซูเม่ อยากแนะนำให้พวกเราอ่านบทความเรื่องเรซูเม่ทั้งหมดในเว็บเราครับ มีประโยชน์มากจริงๆนะ
สร้างเรซูเม่ฟรี
3. ข้อมูลติดต่อต้องถูกต้อง
ถือเป็นจุดเล็กๆที่หลายคนมองข้าม และเป็นข้อผิดพลาดใหญ่หลวงเลยทีเดียว เมื่อเรซูเม่ของคุณดี โปรไฟล์ของคุณดี ที่ทำให้ HR ตาโต และสนใจอยากจะรับคุณเข้าทำงาน แต่เมื่อยกโทรศัพท์มากดเบอร์โทรของคุณ ก็พบว่า เบอร์ขาด ไม่ครบ ติดต่อไม่ได้.... จบกันล่ะทีนี้
ดังนั้นเรื่องของเบอร์โทรศัพท์ ขอให้ตรวจเช็คดีๆ สองรอบไม่พอ ขอสามรอบเลย ดูว่าเบอร์ถูกไหม ตัวอักษรใหญ่พอไหม ถ้า HR เป็นคุณป้าสายตายาว จะอ่านออกไหม 555 มีจริงๆนะ ที่อ่านไม่ออกเพราะตัวเล็กไป หรือใช้ฟอนต์สวยๆที่อ่านไม่ออกเนี่ย ระวังไว้นะครับ
Email เองก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ HR บริษัทใช้ติดต่อกับผู้สมัครงาน นับเป็นจำนวนครึ่งๆ เลยทีเดียว ขอให้เช็ค Email ของตัวเองให้ถูกต้องด้วยว่าใส่ตรงหรือไม่ และอย่าคิดไปเองว่าส่งเรซูเม่เป็น PDF ไป สามารถก้อปปี้ได้ เคยเห็นไหมครับ บางบริษัท HR ปรินท์เรซูเม่ลงกระดาษแล้วให้หัวหน้างานเลือก พอปรินท์ลงกระดาษแล้ว บางทีนะ ก็อ่านไม่ออกเช่นกัน และสับสนหนักมาก ระหว่างตัว L กับ I หรือตัว 0 กับ O เนี่ยล่ะ ส่งผิดส่งถูก สุดท้ายไม่ได้รับเมล์ คนเสียหายคือใคร ก็นักศึกษาน่ะแหล่ะครับ
4. คิดเรื่องการแข่งขัน
ในการสมัครงาน ถือว่าเป็นการแข่งขันกันของผู้สมัครหลายคน ที่จะแย่งกันเข้าทำงานในตำแหน่งงานที่รับนิดเดียว การที่ผู้สมัครคนหนึ่งได้งานนั้นไป ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนที่เก่งที่สุด แต่เขาเป็นคนที่มีคุณสมบัติตรง และเหมาะสมกับตำแหน่งงานนั้นที่สุดตะหาก ถ้าคิดได้อย่างนี้แล้ว รับรองว่าการสมัครงานครั้งต่อไปของคุณจะต้องเปลี่ยนไปในแนวทางที่ดีขึ้นมากๆแน่นอน
ลองเขียนเรซูเม่ใหม่ โดยให้เน้นแสดง คุณสมบัติที่โดดเด่นของตัวเอง ที่เหมาะสมที่จะทำงานนั้นๆดูสิครับ
5. อย่าคิดในมุมของตัวเองอย่างเดียว
ให้คิดถึงมุมมองของผู้รับบ้าง ว่า HR ผู้รับสารเป็นใคร จริงๆก็ไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นใคร รู้แค่ว่าเขาอาวุโสมากกว่าเราแน่นอน และเป็นคนที่มีสิทธิ์เด็ดขาดที่จะตัดสินใจรับ หรือไม่รับเราเข้าทำงาน ดังนั้นอย่าส่งอะไรที่ไม่เป็นทางการไปหาเขาเด็ดขาด
สิ่งที่ห้ามทำโดยเด็ดขาด คือเรียกเขาว่า พี่คะ หรือ พี่ครับ แต่ให้ใช้คำเป็นทางการเช่น สวัสดีค่ะ หรือ สวัสดีครับ แทน
นอกจากนี้ถือว่าเป็นหน้าที่ของเราในการส่งสิ่งที่เขาต้องการไปให้ครบๆและถูกต้อง เป็นข้อมูลที่ย่อยแล้ว พร้อมรับประทาน อย่าให้ HR ต้องลงแรงหาข้อมูลส่วนตัวของคุณเอง
6. อย่าตั้งเป้าในใจ
มีนักศึกษาหลายคน ที่คิดเองเออเอง และตั้งเป้าในการหางานง่ายๆว่า ฉันจะลองส่งใบสมัครสิบที่ แล้วรอดูผลลัพท์ซิ แต่ก็ไม่ได้เลือกงานที่มีคุณสมบัติ หรือยังใช้เรซูเม่ที่ไม่ดีพอ มันก็เลยยังไม่ได้งาน พอถูกปฏิเสธหมดก็เลยท้อ กลายเป็นติดกับดักที่ตัวเองสร้างไว้
ขอแนะนำให้ลองย้อนกลับมาดูตัวเอง และลองอ่านเทคนิคของเราอย่างละเอียดใหม่ตั้งแต่ต้นดูอีกรอบก่อนครับ ที่ไม่ได้งาน มันต้องมาจากสักข้อผิดพลาดที่พวกเรารวบรวมเอาไว้นี่แหล่ะ ไม่ห่างไปจากนี้หรอกครับ
7. ตกสัมภาษณ์หลายที่ มันต้องมีอะไร
หากทุกอย่างดีแล้ว แต่ตกสัมภาษณ์มาหลายที่ ก็อยากให้นักศึกษาพิจารณาตัวเองดีๆ ถอยออกมาก่อนก้าวหนึ่ง แล้วลองคิดดูสิครับว่า คุณสมบัติตรงแล้วนะ เรซูเม่ดีแล้วนะ เขาถึงเรียกเราไปสัมภาษณ์งาน แต่ที่ตกสัมภาษณ์หลายที่ติดต่อกันเนี่ย ปัญหามันอยู่ที่ตัวเราเองแน่นอน ปัญหามันอยู่ที่ขั้นตอนสัมภาษณ์งานแน่นอน ทีมงานเบสต์จ๊อบก็ได้รวบรวมข้อผิดพลาดในการสัมภาษณ์งานของเด็กจบใหม่ที่พบบ่อยๆ เอาไว้ในที่นี้แล้วครับ
- ไม่แสดงความมุ่งมั่นในการต้องการที่จะทำงานนั้นๆ ไม่ว่าจะแสดงความโลเล หรือตอบสัมภาษณ์ประมาณ อยากลองทำดู อยากเปลี่ยนสายงาน เป็นต้น นั่นเป็นคำตอบที่ผิดนะ ควรจะตอบประมาณว่า งานนี้มีอะไรดี ที่คุณอยากทำ มากกว่า
- เป้าหมายในการทำงานไม่เคลียร์ ไม่ว่าจะเป็น อยากทำไปสักพัก หรือสุดท้ายแล้วจะออกไปทำงานกับที่บ้าน
- มีอะไรโกหกในเรซูเม่ เช่นเขียนว่าพูดภาษาจีนได้ เจอคนจีนมาสัมภาษณ์ จ๋อยดิ
- แสดงออกว่าไม่ทน จุดเดือดต่ำ อันนี้เป็นสิ่งที่ HR ทุกที่เตรียมคำถามเอาไว้สัมภาษณ์คุณอยู่แล้วครับ ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ยอมเพื่อนร่วมงาน หรือเอาเรื่องเพื่อนร่วมงานให้ถึงที่สุด โดยไม่สนใจหน้าไหนทั้งนั้นเลยล่ะก็ คุณจะลำบากในการหางานเลยล่ะ เพราะไม่มี HR ที่ไหนอยากจ้างคนที่พร้อมไฝว้กับพนักงานตัวเอง หรือลูกค้า ตลอดเวลาหรอกครับ เป้าหมายในการทำงานไม่เคลียร์ ไม่ว่าจะเป็น อยากทำไปสักพัก หรือสุดท้ายแล้วจะออกไปทำงานกับที่บ้าน
- ไม่ได้รับยกเว้นเกณฑ์ทหาร เรื่องนี้ทำให้การสมัครงานประจำ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยล่ะ ลองสมัคร งานชั่วคราว หรือ งานที่รับชายไทยยังไม่เกณฑ์ทหาร ดูก่อน
- สนใจถามแต่สิ่ที่ตัวเองจะได้รับ เช่นสิทธิ์วันลา วันหยุด วันคลอด ฯลฯ แต่ไม่ได้สนใจถามเรื่องงานเลยสักนิดเดียว เฮลโหลว คุณกำลังสัมภาษณ์งานอยู่ ให้ความสนใจในตัวงานมากกว่าเรื่องอื่นสิครับ
8. ฝากประวัติที่เบสต์จ๊อบสิ
เทคนิคสุดท้ายนี่แหล่ะเด็ดที่สุด นอกจากว่าจะทำตัวเองเป็นผู้ล่า (งาน) แล้ว นักศึกษาจบใหม่ ไม่มีประสบการณ์ ยังสามารถเลือกที่จะฝากประวัติเอาไว้กับเบสต์จ๊อบ เพื่อให้บริษัทที่กำลังหาพนักงานใหม่มาค้นหา และยื่นข้อเสนอตำแหน่งงานที่ตรงตามคุณสมบัติ และพอใจ ให้กับนักศึกษาได้อีกทางด้วยนะ
นอกจากนี้เบสต์จ๊อบเองก็ได้นำเทคนิคทั้งหมดนี้มาประยุกต์ใช้กับระบบภายในเว็บอย่างดีครับ ทำให้เวลาที่คุณฝากประวัติกับเว็บเบสต์จ๊อบแล้ว คุณจะได้รับข้อเสนองานที่ตรงประเด็นแน่นอน