ในปัจจุบัน การหางานสำหรับนักศึกษาจบใหม่ ถือว่ามีตัวเลือกมากพอสมควร ถ้าเราไม่เลือกงาน แต่ว่าหลายๆคนเองก็อยากจะทำงานในบริษัทที่ตัวเองสนใจอยากจะทำ หรือบริษัทที่ดังกว่าใช่ไหม วันนี้เราจะเอา เทคนิคการเขีบนเรซูเม่เจ๋งๆ สำหรับนักศึกษาจบใหม่ที่ผ่านการฝึกงานแล้วโดยเฉพาะ เอามาฝากกันครับ
การสมัครงานสำหรับนักศึกษาจบใหม่ เนื่องจากว่าเรายังไม่เคยได้มีประสบการณ์ได้ทำงานที่ไหนมาก่อน บริษัทจึงจะคัดเลือกพนักงานจากสองอย่างหลักๆด้วยกันคือ เกรดเฉลี่ย และ เรซูเม่
ซึ่งตัวเรซูเม่ที่ดี และเขียน รายละเอียดของการฝึกงานของเรา ได้อย่างครบถ้วน อ่านง่ายๆนี่แหล่ะ จะทำให้เราโดดเด่นกว่าคนอื่นๆ เรามาดูกันว่ามีรายละเอียดอะไรบ้าง
1. ใส่รายละเอียดการฝึกงานไว้บนๆ อย่าเอาไปไว้ล่างๆ
อย่าเขียนเรื่องฝึกงานของคุณไว้ที่ด้านล่างๆของเรซูเม่ตัวเองนะครับ การทำแบบนี้ก็เพื่อจะให้ฝ่ายคัดเลือกบุคลากรที่ได้อ่านเรซูเม่ของคุณ สามารถเข้าถึงข้อมูลการฝึกงานของคุณได้ง่ายขึ้น และเร็วขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เขาชอบคุณ และแอบมีคะแนนพิศวาสให้คุณอีกนิดๆหน่อยๆด้วยนั่นเอง
2. เน้นรายละเอียดตอนฝึกงาน ให้ตรงกับตำแหน่งงานที่คุณกำลังสมัคร
ใส่รายละเอียดของงานที่ได้ทำตอนฝึกงาน โดยเน้นๆสิ่งที่ตรงกันกับตำแหน่งงานที่คุณกำลังสมัครสิครับ นี่ถือเป็นเรื่องสำคัญมากเลยโดยเฉพาะสำหรับนักศึกษาหรือเด็กจบใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ทำงานมาก่อน การฝึกงานของคุณ ฝึกอะไรให้กับคุณบ้าง เขียนรายละเอียดตรงนี้ให้ครบๆ ละเอียดๆ นี่จะทำให้คุณมีความน่าสนใจและแตกต่างจากผู้สมัครคนอื่นมากขึ้น
ในทางกลับกัน หากคุณมีประสบการณ์ที่ไม่ได้เป็นประโยชน์เลยสักนิดเดียว ก็ไม่ต้องใส่ลงไปเลย เช่นถ้าคุณได้ร้องเพลงบนเวทีตอนฝึกงาน แต่คุณไม่ได้จะไปสมัครตำแหน่งที่ได้ใช้เสียง ก็ไม่จำเป็นจะต้องใส่ลงไปหรอกครับ
3. เมื่อคุณมีประสบการณ์ทำงานมากพอแล้ว ก็ไม่ต้องเขียนเรื่องฝึกงานแล้ว
รายละเอียดการฝึกงานจำมีความสำคัญมากๆสำหรับเฉพาะนักศึกษาและเด็กจบใหม่ แต่ถ้าคุณเริ่มมีประสบการณ์ทำงาน 3-4 ปีขึ้นไปแล้ว ความสำคัญของมันจะลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญเลยทีเดียว และกลับกัน หากคุณยังใส่รายละเอียดของการฝึกงานเอาไว้ในเรซูเม่อีก (โดยเฉพาะใส่ไว้บนๆ) นั่นจะทำให้ฝ่ายคัดเลือกบุคลากรของบริษัท มีเครื่องหมายคำถามอยู่ในหัวตัวบะเริ่มว่า "สิ่งที่คุณได้มาจากการทำงาน 3-4 ปีมันไม่สำคัญเหรอ"
จริงๆมันก็มีข้อยกเว้นอยู่นิดหน่อยถ้าคุณจะใส่เรื่องฝึกงานไว้ในเรซูเม่นะ เช่นถ้าคุณได้ฝึกกับบริษัทแนวหน้าจริงๆอย่างเช่น Facebook หรือ Google คุณก็น่าจะใส่มันในเรซูเม่ด้วย แต่ไม่ต้องใส่รายละเอียดมากหรอก แค่ชื่อบริษัทพวกนี้ก็มีแต่คนรู้จักแล้วครับ
4. เขียนประสบการณ์ฝึกงานอย่างไรดี
ส่วนนี้ถือเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ เรซูเม่ที่ดีหรือพัง ก็จะเกิดที่ขั้นตอนนี้ซะส่วนมากครับ ผมมีทิปส์ย่อยๆที่ควรจะทำตาม ลองดูกัน
ชื่อตำแหน่งที่ฝึกงาน
ชื่อตำแหน่งที่ฝึกงาน ควรจะเขียนละเอียดหน่อย อย่าเขียนแค่คำว่า "ฝึกงาน" หรือ "นักศึกษาฝึกงาน" แต่ให้ลองสอบถามหัวหน้างานดูว่าตำแหน่งนี้จริงๆชื่ออะไรกันแน่ ตัวอย่างของตำแหน่งที่ควรจะเขียน เช่น "ฝึกงานการตลาด" หรือ "ฝึกงานฝ่ายขาย" เป็นต้น
ชื่อบริษัท
เขียนชื่อบริษัทให้ละเอียด และถูกต้อง ห้ามเขียนผิดเด็ดขาด ถ้าพนักงานสรรหาบุคลากรเห็นว่าคุณเขียนชื่อบริษัทเขาผิด คุณก็จะมีคะแนนติดลบอยู่บนหัวของตัวเองตั้งแต่ก่อนสัมภาษณ์แล้ว ดังนั้นเนื่องเล็กๆน้อยๆนี้ อย่าพลาดเด็ดขาด
วันที่เริ่มฝึกงาน และวันสุดท้ายของการฝึกงาน
อาจจะไม่ต้องละเอียดมากก็ได้ สิ่งที่พนักงานสรรหาบุคลากรต้องการจะทราบจริงๆก็ม่แค่ เดือน/ปี ที่เริ่มจนสิ้นสุด เท่านั้น ซึ่งวันที่ จะเขียนหรือไม่เขียนก็ได้ มีค่าไม่ต่างกัน
รายละเอียดของงานที่ฝึก
ตรงนี้คือส่วนที่สำคัญที่สุด และแนะนำให้เขียนเป็นหัวข้อ bullet เพื่อให้อ่านง่าย ให้คุณเขียนเน้นไปที่ว่าได้ฝึกงานทำอะไรมาบ้าง และเน้นไปที่ประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับงานที่คุณสมัคร เช่นถ้าคุณกำลังสมัครงานตำแหน่งนักเขียน ก็ให้เขียนว่าคุณเขียนอะไรบ้างตอนฝึกงาน หัวข้อของบทความที่คุณเขียน ขั้นตอนตั้งแต่เริ่มจนจบ
อ้อ มีเรื่องที่ไม่ควรจะเขียนเพราะจะทำให้คุณดูด๋อยลงทันที เช่นการรับโทรศัทพ์ ส่ง FAX หรือชงกาแฟ ไม่ต้องเขียนมันลงไปนะครับ
แต่ถ้าใครทำแค่รับโทรศัทพ์ ส่ง FAX หรือชงกาแฟ จริงๆ ก็ลองเขียนลงไปสิครับว่า คุณได้ไปเรียนรู้งานอะไรในแผนกนั้นบ้าง แผนกนั้นทำอะไรบ้าง
เอาล่ะ หมดแล้วครับสำหรับทิปส์ดีๆสำหรับการเขียนประสบการณ์ฝึกงานลงในเรซูเม่ ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ
สร้างเรซูเม่ฟรี
สำหรับใครที่เห็นว่ามันยากอะไรตรงไหน ผมมีข่าวดีมาบอกคือ เว็บจ็อบเทพของเราก็มีส่วนที่ช่วยสร้างเรซูเม่ให้ด้วยครับ ใช้ฟรี 100% และดีด้วยนะ ก็ขอแนะนำให้ลองใช้กันดูครับ วันนี้ลาไปก่อน สวัสดีครับ